นามเดิม ชื่อ ธานี นามสกุล บริบรูณ์ เกิดวันที่ ๙ มกราคม พ.ศ ๒๕๐๘ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๒ ปีมะโรง ณ บ้านเลขที่ ๒๖๘/๑๕ ตำบลทับสะแก อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
บิดาชื่อนายอัมพร บริบรูณ์ (ท่านเสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔ ท่านมีอายุได้ ๘๑ ปี) มารดาชื่อนางอำพัน พูนทวี มารดาท่านปัจจุบันมีอายุ ๘๔ ปี
เดิม ในสมัยเด็กท่านเป็นคนเรียบร้อยมีระเบียบ เนื่องจากท่านใกล้ชิดกับพ่อและแม่เป็นอย่างมาก จึงได้รับการอบรมจากพ่อและแม่อย่างเต็มที่ ท่านจึงเจ้าระเบียบ
มีความอุตสาหะช่วยเหลือครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจาดตระกูลท่านทำการค้าเป็นอาชีพ ท่านชอบศึกษาหาความรู้จึงทำให้ท่านมีความรู้มีความสามารถในหลายๆด้าน เมื่อท่านเติบใหญ่ท่านยังเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจและยังเป็นที่รักกับทุกๆคนที่ ได้ใกล้ชิดกับท่าน ท่านเป็นผู้มีน้ำใจเป็นผู้เสียสละแรงกายแรงใจโดยไม่ได้คิดหวังสิ่งตอบแทนเลย ท่านเคยปรารภในใจเมื่อสมัยเด็กอยู่เสมอว่า "เราเกิดมาเพื่อช่วยเหลือเขาอย่างเดียวเท่านี้เองหรือ " ท่านสงสัยในตัวของท่านมาตลอดว่าทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ด้วย เมื่อท่านอายุได้ ๒๘ ปี ท่านได้ดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดเนื่องมาจากการคบเพื่อน จึงทำให้ตัวท่านได้รับความเดือดร้อน แม่ท่านเตือนท่าน แต่ท่านไม่ยอมฟังจึงทำให้แม่ของท่านเสียใจมาก แม่ท่านร้องไห้ตัดพ้อว่าท่านไม่เห็นความรักความหวังดีจากท่าน ท่านเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นท่านรู้สึกตัวรู้ว่าตนทำผิดแล้ว ผิดสัจจะวาจาที่ได้ให้ไว้ต่อหน้าศพพ่อท่าน ว่าท่านจะไม่ทำให้แม่เสียจะไม่ทิ้งแม่จะดูแลให้ดีที่สุด สัจจะวาจาที่ท่านได้ตั้งไว้นั้นขึ้นมาในความรู้สึกของท่าน ท่านรู้สึกผิดมากแต่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ท่านร้องไห้เสียใจมาก ท่านไปนั่งอยู่ที่หน้าพระบูชา บนโต๊ะหมู่ที่บ้านท่านไม่ได้กินไม่นอนอยู่หลายวัน ท่านร้องไห้เสียใจตลอด ท่านพยายามหาทางที่จะแก้ไขในสิ่งที่ท่านทำผิดทำพลาดไป จนมีความรู้สึกขึ้นมาภายในใจว่า "บวช" ความรู้สึกในขณะนั้นท่านดีใจมากพิจารณาแล้วท่านเห็นดีด้วยว่า "ถ้าเราบวชวิญญานของพ่อและผู้เป็นแม่คงจะอโหสิให้เรา " นี้จึงเป็นเหตุให้ท่านได้ตัดสินใจออกบวช เพื่อชดใช้กรรมที่ท่านได้ทำผิดทำพลาดกับผู้เป็นพ่อและแม่ของท่าน เมื่อตัดสินใจได้แน่แล้วท่านก็ไปอาศัยอยู่ตามวัดในที่ต่างๆ หลายวัด แต่ท่านบอกว่าในที่ต่างๆนั้นไม่ตรงใจท่าน เพราะท่านต้องการจะบวชให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้จนกว่าท่านจะหมดกรรมที่ทำไว้กับพ่อและแม่ แต่ท่านก็หวนนึกถึงพระอาจารย์หลวงพ่อสรวง ปริสุทฺโธ วัดถ้ำขวัญเมือง อ. สวี จ.ชุมพร ที่ท่านได้เคยปวารณาตนเป็นลูกศิษย์ เมื่อครั้งที่หลวงพ่อท่านได้เดินทางไปกิจนิมนต์ที่ทับสะแก ตอนนั้นท่านมีอายุประมาณ ๘ ขวบ ท่านปวารณาตนเป็นศิษย์ในทะเบียนศิษย์ลำดับที่ ๑,๐๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๐ ต่อจากนั้นมา ท่านก็ได้ไปที่วัดถ้ำขวัญเมืองอยู่หลายครั้ง เคยมาฝึกทำรูปฌาน แต่ในสมัยนั้นท่านยังเด็กยังมีความรู้สึกกลัวอยู่ไม่ค่อยกล้าทำ ท่านเล่าว่าในสมัยเด็กเวลาที่ท่านนอนตอนที่ท่านใกล้จะหลับ ท่านลืมตามองไปที่หน้าต่างห้องที่ยังปิดอยู่แต่มีรอยแตกตามฝาที่หน้าต่าง ท่านมองดูท่านเห็นว่ารอยแตกเริ่มขยายขึ้นแล้วรู้สึกว่าตัวเรากำลังจะลอยออกไปทางรอยแตกที่หน้าต่าง ท่านตกใจมากรู้สึกกลัวจนร้องออกมาเสียงดัง แม่ท่านได้ยิน ตกใจรีบเข้าไป ท่านร้องบอกแม่ท่านว่าท่านกำลังจะลอยออกไปทางหน้าต่าง เมื่อท่านได้สติเหตุการณ์ตรงนั้นก็หยุดลง ท่านจะเป็นอย่างนั้นอยู่ประจำ จนแม่ท่านได้เอาไฟ หลอดแรงเทียนมาติดในห้องให้สว่าง ท่านจึงนอนได้ และอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับท่าน ท่านได้บอกเล่าให้ฟังว่าเมื่อท่านอายุได้ประมาณ 7ปี ท่านได้นั่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้านแล้วท่านได้นั่งมองออกไปที่ปากซอยบ้านท่าน ท่านว่ามีพระรูปหนึ่งเดินเข้าซอยมาแล้วเดินเข้าไปถามบ้านอยู่ที่หน้าปากซอย ว่าบ้านโยมกวยอยู่หลังไหน ท่านรู้สึกงงมากว่าท่านได้ยินเสียงพูดอย่างชัดเจนได้อย่างไร เพราะบ้านที่อยู่ปากซอยอยู่หางจากบ้านท่านเกือบ 300 เมตร แล้วภาพนั้นก็หายไป ท่านเดินเข้าไปในบ้านแล้วบอกกับพ่อท่านว่า วันนี้จะมีพระมาหาพ่อ พ่อท่านถามว่ารู้ได้อย่างไร ท่านตอบไปตรงๆว่าท่านเห็นเป็นอย่างนั้น พอเวลาบ่าย 2 โมง ท่านมานั่งเล่นที่หน้าบ้านอีกท่านมองออกไปที่ปากซอยท่านเห็นพระองค์หนึ่งเดินเข้าซอยมาแล้วเดินไปถามบ้านที่อยู่ปากซอย เป็นภาพที่เหมือนกับภาพที่ท่านเห็นในตอนเช้าแต่ต่างเวลากันเท่านั้น ท่านตะโกนบอกพ่อท่านว่าพ่อมาดูสิ พระองค์นี้แหละมาหาพ่อ พ่อท่านออกมานั้งที่หน้าบ้าน แล้วมองออกไป พ่อท่านมองไม่ชัดเพราะอยู่ไกล จนพระรูปนั้นเดินมาถึงบ้าน พ่อท่านเห็นดีใจมากเพราะเป็นพระเพื่อนกัน ซึ่งจากกันไปนาน พระท่านมาตามหาพ่อ พ่อของท่านได้เล่าเหตุการณ์ที่ท่านได้เห็นให้พระเพื่อนพ่อท่านฟัง ท่านฟังแล้วท่านปรารภกับพ่อท่านว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา ต้องมีอะไรดีแน่นอน ท่านจึงเอยปากขอท่านกับโยมพ่อว่าจะเอาท่านไปบวชเณร แต่ท่านไม่ไป (มีต่อ) ที่มา : การบอกเล่าจากพระอาจารย์ให้กับศิษย์ที่ใกล้ชิด |